บริการ VPN ไม่เก็บบันทึกที่ดีที่สุด: รักษาการปกปิดตัวตนและความปลอดภัย

ExpressVPN เป็นบริการ VPN ที่ดีที่สุดที่มีนโยบายการไม่เก็บบันทึกที่เข้มงวด เรามุ่งมั่นที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณโดยมั่นใจได้ว่า เราจะไม่เก็บบันทึกกิจกรรมหรือบันทึกการเชื่อมต่อใด ๆ พร้อมด้วยการตรวจสอบอิสระหลายรายการที่ได้รับมอบหมายให้ยืนยันคำกล่าวอ้างของเรา

VPN ฟรีมักไม่มีนโยบายไม่เก็บบันทึกอย่างเข้มงวด ในขณะที่บริการ VPN ฟรีบางอย่างอาจอ้างว่าไม่เก็บบันทึกเป็น แต่ก็ควรให้ความสำคัญในการใช้ความระมัดระวังและสงสัยไว้ก่อนเมื่อใช้งาน เนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องทำเงินอย่างใดอย่างหนึ่ง และน่าจะแลกมาด้วยความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งสย ทั้งนี้ข้อกังวลที่อาจเกิดขึ้นกับ VPN ฟรี ได้แก่:

• ความโปร่งใสที่จำกัด: ผู้ให้บริการ VPN ฟรีจำนวนมากขาดความโปร่งใสเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการรวบรวมข้อมูล พวกเขาอาจไม่เปิดเผยข้อมูลที่พวกเขาจัดเก็บและระยะเวลาที่จัดเก็บ

• รูปแบบรายได้จากโฆษณา: VPN ฟรีมักจะพึ่งพาโฆษณาเป็นแหล่งรายได้หลัก ซึ่งหมายความว่า พวกเขาอาจติดตามกิจกรรมออนไลน์ของคุณเพื่อแสดงโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย ซึ่งเป็นการทำลายความเป็นส่วนตัวของคุณ

• การสร้างรายได้จากข้อมูล: VPN ฟรีบางตัวรวบรวมข้อมูลผู้ใช้และขายให้กับผู้โฆษณาบุคคลที่สามหรือโบรกเกอร์ข้อมูล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของคุณ

• การเก็บข้อมูล: VPN ฟรีอาจเก็บบันทึกกิจกรรมออนไลน์ของคุณ รวมถึงประวัติการเรียกดูและข้อมูลการเชื่อมต่อ ซึ่งอาจถูกแชร์กับหน่วยงานต่าง ๆ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น

• ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย: VPN ฟรีไม่สามารถลงทุนในมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งได้ ทำให้คุณเสี่ยงต่อการละเมิดข้อมูล มัลแวร์ และภัยคุกคามความปลอดภัยอื่น ๆ

ในทางตรงกันข้าม บริการ VPN คุณภาพสูง อย่างเช่น ExpressVPN ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ด้วยนโยบายการไม่เก็บบันทึกที่เข้มงวด พวกเขามีมักลงทุนในมาตรการรักษาความปลอดภัยอันล้ำสมัย เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณยังคงปลอดภัยและเป็นส่วนตัว และในขณะที่ VPN พรีเมี่ยมมาพร้อมกับค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิก ผลประโยชน์ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นทำให้พวกเขาเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวออนไลน์

ณ เดือนมิถุนายน 2022 เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทราบว่า VPN ใด ๆ ที่ดำเนินการภายในประเทศอินเดียที่อ้างว่ามีเซิร์ฟเวอร์ในอินเดียไม่สามารถพิจารณาได้ว่าเป็น VPN ที่ไม่เก็บบันทึกอย่างแท้จริง นี่เป็นเพราะกฎหมายข้อมูลใหม่ในอินเดียที่กำหนดให้ผู้ให้บริการ VPN กับเซิร์ฟเวอร์อินเดียต้องบันทึกข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก ทั้งชื่อ ที่อยู่ IP และรูปแบบการใช้งาน

ExpressVPN เป็นเจ้าแรกที่ประกาศว่าได้ลบเซิร์ฟเวอร์ทางกายภาพออกจากอินเดีย เรายังคงเสนอเซิร์ฟเวอร์เสมือนจริงที่ให้ที่อยู่ IP ของอินเดียโดยไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายข้อมูลใหม่

ดังนั้นหากคุณต้องการ VPN ในอินเดียที่เคารพความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของคุณ และไม่บันทึกรายละเอียดส่วนบุคคลของคุณ ให้พิจารณาใช้ VPN เช่น ExpressVPN ซึ่งได้ดำเนินการเพื่อปกป้องข้อมูลของคุณโดยการลบเซิร์ฟเวอร์ทางกายภาพจากอินเดีย

VPN ฟรีโดยทั่วไปมักจะไม่ใช่บริการที่ไม่เก็บบันทึก สำคัญที่จะต้องระมัดระวังกับบริการ VPN ฟรี เนื่องจากส่วนใหญ่อาจมีส่วนร่วมในการบันทึกหรือการรวบรวมข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของคุณ บริการ VPN แบบมีค่าบริการมักจะให้การรับรองความเป็นส่วนตัวและคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่ดีกว่า

ขณะที่ ExpressVPN เป็น VPN แบบมีค่าบริการ หากคุณเริ่มการสมัครสมาชิกแล้ว คุณยังสามารถยกเลิกได้ภายใน 30 วันและได้รับเงินคืนเต็มจำนวน ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถลองใช้ VPN ไม่เก็บบันทึกของเราได้อย่างปราศจากความเสี่ยง

แน่นอน VPN ที่ไม่เก็บบันทึกสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยตราบใดที่พวกเขามีนโยบายการไม่เก็บบันทึกที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและได้รับการตรวจสอบโดยบุคคลที่สามภายนอก ทั้งนี้นโยบายการไม่เก็บบันทึก หมายความว่า ผู้ให้บริการ VPN ไม่ได้จัดเก็บข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับกิจกรรมออนไลน์ของคุณ ทั้งที่อยู่ IP ของคุณ ประวัติการเรียกดู หรือการสืบค้น DNS ซึ่งหมายความว่า กิจกรรมออนไลน์ของคุณเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์ และไม่สามารถติดตามได้โดยใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการ VPN ของคุณเอง ISP หรือหน่วยงานภาครัฐ

ใช่ VPN ที่ไม่เก็บบันทึกถูกกฎหมายในประเทศส่วนใหญ่ โดย VPN ที่ไม่เก็บบันทึกเป็นผู้ให้บริการ VPN ที่ไม่เก็บบันทึกกิจกรรมออนไลน์ของคุณ เช่น ที่อยู่ IP ของคุณ ประวัติการเรียกดู หรือการประทับเวลาการเชื่อมต่อ ซึ่งหมายความว่า แม้ว่ารัฐบาลหรือบุคคลที่สามจะร้องขอข้อมูลของคุณ ผู้ให้บริการ VPN ก็จะไม่สามารถให้มอบให้ไปได้

อย่างไรก็ตามมีไม่กี่ประเทศที่ VPN ที่ไม่เก็บบันทึกถูกสั่งห้าม ซึ่งในประเทศเหล่านี้รัฐบาลอาจกำหนดให้ผู้ให้บริการ VPN เก็บบันทึกกิจกรรมของผู้ใช้หรืออาจบล็อกการรับส่งข้อมูล VPN โดยสิ้นเชิง

มีสาเหตุหลายประการที่ผู้ให้บริการ VPN ต้องเก็บบันทึก:

• เพื่อแก้ไขปัญหา: หากผู้ใช้ประสบปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ VPN ผู้ให้บริการอาจต้องดูบันทึกเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

• เพื่อปรับปรุงบริการ: ผู้ให้บริการอาจใช้บันทึกเพื่อดูว่าการใช้บริการมีการใช้งานอย่างไรและทำการปรับปรุง ตัวอย่างเช่น พวกเขาอาจใช้บันทึกเพื่อดูว่าเซิร์ฟเวอร์ใดเป็นที่นิยมมากที่สุดและเพิ่มเซิร์ฟเวอร์เพิ่มเติมในสถานที่เหล่านั้น

• เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย: ในเขตอำนาจศาลบางแห่งผู้ให้บริการ VPN จะต้องเก็บบันทึกตามกฎหมาย ตัวอย่างเช่น ในอินเดีย ผู้ให้บริการ VPN จะต้องรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้เป็นเวลาอย่างน้อยห้าปี ทั้งชื่อ ที่อยู่ อีเมล ที่อยู่ IP และรูปแบบการใช้งาน

• เพื่อกำหนดเป้าหมายการโฆษณา: ผู้ให้บริการ VPN คุณภาพต่ำหรือฟรีจำนวนมากเก็บบันทึกเพื่อกำหนดเป้าหมายการโฆษณา ตัวอย่างเช่น พวกเขาอาจติดตามเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เยี่ยมชม และใช้ข้อมูลนั้นเพื่อแสดงโฆษณาที่กำหนดเป้าหมาย

สำคัญที่จะต้องทราบว่า ไม่ใช่บริการ VPN ทั้งหมดเก็บบันทึกด้วยเหตุผลเดียวกัน ผู้ให้บริการบางรายอาจเก็บบันทึกหลากหลายประเภทมากกว่าผู้อื่น การอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ให้บริการ VPN เป็นสิ่งสำคัญก่อนที่คุณจะลงทะเบียน เพื่อทำความเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงเก็บบันทึกและวิธีการใช้งาน